1. เครื่องกรองน้ำแบบไส้กรอง |
2. เครื่องกรองน้ำแบบสารกรอง |
3. เครื่องกรองน้ำแบบผสมผสาน |
1. เครื่องกรองน้ำแบบไส้กรอง
เครื่องกรองน้ำประเภทนี้ โดยทั่วไปใช้วิธีให้น้ำผ่านไส้กรองที่มีขนาดรูพรุนเล็กกว่าขนาดของความขุ่นหรือตะกอนในน้ำ หรือแม้กระทั่ง เชื้อ จุลินทรีย์ โดยใช้วัสดุจากหลาย ๆ ประเภท เช่น กระดาษ ผ้า และแท่งเซรามิค ซึ่งจะมีความละเอียดของรูพรุนแตกต่างกันไป โดย แท่งกรองเหล่านี้จะกรองกั้นความขุ่น ตะกอนแขวนลอย หรือเชื้อจุลินทรีย์ที่มากับน้ำไว้ให้ติดอยู่ที่ผิวหรือรูพรุนของตัวกรอง ดังนั้นเมื่อใช้ไป ระยะหนึ่ง จะต้องมีการทำความสะอาดใส้กรองหรือแช่น้ำร้อนเพื่อฆ่าเชื้อโรคเป็นระยะ ๆ ขึ้นอยู่กับสภาพน้ำและปริมาณการใช้น้ำของแต่ละแห่ง
จุดอ่อนของระบบนี้คือ ไม่สามารถกรองสารละลายที่มากับน้ำได้ เช่น หินปูน, คลอรีน, กลิ่น, สีฯลฯ ดังนั้นระบบนี้มักจะใช้กรองเพื่อให้ น้ำใสขึ้น หรือใช้ร่วมกับระบบสารกรอง
2. เครื่องกรองน้ำแบบสารกรอง
โดยทั่วไปนิยมใช้สารกรองอยู่ 2 ชนิด คือ
2.1 ใช้สารกรองคาร์บอน (ถ่านกัมมันต์เม็ด)
2.2 ใช้สารกรองเรซิน2.1 สารกรองคาร์บอน เป็นสารกรองที่นำมาใช้ในการกรอง สี กลิ่น คลอรีนเป็นหลักใหญ่ เพราะมีคุณสมบัติในการดูดซับสี และกลิ่น ซึ่งมี โมเลกุลขนาดเล็กมาก ที่ไม่สามารถขจัดได้ด้วยวิธีการกรองแบบแรก สารกรองคาร์บอนหรือเรียกว่าถ่านกัมมันต์เม็ดจะมีโครงสร้างที่มี ลักษณะ เป็นรูพรุน มีพื้นที่ผิวสูง ทำให้มีคุณสมบัติในการดูดซับได้เป็นอย่างดี ซึ่งถ้าหากมีพื้นที่ผิวมาก ก็จะมีความสามารถในการดูดซับสูงไป ด้วย แต่เนื่องจากสภาพน้ำที่ใช้กรอง ของแต่ละแห่ง อาจจะมีสิ่งเจือปนในน้ำไม่เท่ากัน บางแห่งอาจ จะมีตะกอนแขวนลอยมากับน้ำค่อนข้าง มาก ตะกอนพวกนี้ จะไปจับที่ผิวของถ่านกัมมันต์เม็ด ซึ่งจะทำให้การดูดซับ ของถ่านกัมมันต์ เม็ดเสื่อมประสิทธิภาพไป ดังนั้นจึงต้องมีการ เอา ตะกอน ดังกล่าวออกไป โดยวิธีการล้างย้อนกลับ จุดอ่อนของสารกรองประเภทนี้คือ ความสามารถในการกรองตะกอนแขวนลอยหรือความขุ่นจะกรองได้ไม่ดีนัก จะต้องสารกรองตัวอื่น มาใช้ร่วมด้วย รวมทั้งไม่สามารถ กรองความ กระด้างจากสารละลายต่างๆ ได้ และสารกรองนี้มีอายุการใช้งานไม่นานนัก (ตามสเปคของผู้ผลิต สารกรอง ประมาณ 1-1.5 ปี) จึงควรมีการเปลี่ยนสารกรองใหม่ตามกำหนด
2.2 สารกรองเรซิน สารกรองประเภทนี้จะมีอยู่ ๒ ประเภทคือเป็นแบบไอออนบวก และไอออนลบ โดยทั่วไปจะนิยมใช้แบบ แคทไอออนเรซิน หรือไอออนลบ โดยจะใช้นำมากรองความกระด้าง ความกระด้างเป็น สารละลายที่อยู่ในรูปของไอออนต่าง ๆ โดยสารกรองจะมีคุณสมบัติในการแลกเปลี่ยน ไอออน ซึ่งจะทำให้ความกระด้างออกจากน้ำ สารกรองเรซินเมื่อผ่าน การใช้งานไปได้ระยะหนึ่งจะเสื่อมสภาพลงและหมดสภาพไปไม่ สามารถแลก เปลี่ยนไอออนได้อีก จึงต้องทำการฟื้นสภาพ หรือรีเจนเนอเรชั่น เพื่อให้มีความสามารถในการแลกเปลี่ยนไอออนดังเดิม หรือ ใกล้เคียงสภาพ เดิม โดยทั่วไปในการฟื้นสภาพ เรซินจะใช้สารละลายเกลือแกงความเข้มข้น ตามที่ผู้ผลิตกำหนด โดยให้ค่อย ๆ ไหลผ่าน หรือโดยแช่เรซินใน สารละลาย ดังกล่าวเป็นระยะเวลาหนึ่ง (1 - 2 ชั่วโมง) แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด ให้หมดความเค็ม เรซินที่ผ่านการใช้งาน และการฟื้นสภาพมา หลายครั้งแล้ว จะมีความสามารถ แลกเปลี่ยนไอออนลดลง จึงต้องทำการเปลี่ยนสารเรซินใหม่ โดยสเปคของผู้ผลิตระบุให้ อยู่ประมาณ 3 - 5 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพและปริมาณการใช้น้ำของแต่ละแห่ง
จุดอ่อนของสารกรองเรซิน จะกรองกลิ่น สี คลอรีน ไม่ได้ และสารกรองจะเป็นเม็ดเล็ก ๆ ไม่สามารถจับตัวได้แน่นพอ ที่จะกรองหรือกั้น ตะกอนแขวนลอยที่มากับน้ำได้ นอกจากสารกรอง 2 ชนิดดังกล่าวแล้ว ยังมีสารกรองอีกหลายตัวที่ใช้กัน แต่อาจจะไม่นิยมนำมาใช้กัน หรือใช้กันน้อยมากในวงการค้า ขายเครื่องกรองน้ำ เช่นสารแอนทราไซด์, และแมงกานีส กรีนแซนด์ฯลฯ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตและจำหน่ายของแต่ละแห่งจะเลือกใช้
3. เครื่องกรองน้ำแบบผสมผสาน จะเห็นได้ว่า เครื่องกรองน้ำในแต่ละประเภท จะมีจุดอ่อนไปแบบละอย่าง ๒ อย่าง ดังนั้นจึงมีการนำระบบทั้งหมด มาต่อเติมเข้าด้วยกัน บางส่วนหรือนำมาต่ออนุกรมเข้าเป็นชุดเดียวกันทั้งหมด โดยพิจารณาจากคุณสมบัติดี และด้อยของแต่ละแบบ
ปัจจุบันจะมีการนำอุปกรณ์ที่ ไม่เกี่ยวกับการกรองน้ำมาผสมผสานด้วย เช่น แสงอัลตราไวโอเล็ต, ระบบโอโซนฯลฯ ซึ่งระบบเหล่านี้จะ เน้นเรื่องการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์เป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นหากใช้กรองจากน้ำประปาซึ่งมีระบบการใช้คลอรีนฆ่าเชื้อโรคอยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ระบบ เหล่านี้เข้ามาเสริมแต่อย่างใด
เมื่อทราบถึงเครื่องกรองน้ำประเภทต่าง ๆ และวิธีการกรองแล้ว การพิจารณาเลือกใช้เครื่องกรองน้ำควรประกอบด้วย
หน้าที่เข้าชม | 56,816 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 22,686 ครั้ง |
เปิดร้าน | 23 มิ.ย. 2561 |
ร้านค้าอัพเดท | 8 ก.ย. 2568 |